เปิดมติครม. "โครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย" ทุ่มหมื่นล้าน จ้างงาน 6 หมื่นคน

โฆษกรัฐบาล แถลงมติครม. รายละเอียดอนุมัติเงินกู้กว่า 1 หมื่นล้าน โครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย จ้างเด็กจบใหม่-ประชาชนทั่วไป 6 หมื่นคน เพื่อช่วยลดปัญหาการว่างงาน

วันที่ 6 ต.ค. 2563 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ “โครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย” หรือ “โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ” จ้างงานเด็กจบใหม่ ประชาชนทั่วไป

วงเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ จำนวน 10,629 ล้านบาท ดำเนินงานภายใต้ความรับผิดชอบโดย กระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม(อว.)

ซึ่งได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยของรัฐเป็นหน่วยงานในการดูแลภาระกิจระดับเศรษฐกิจสังคมของตำบล โดยแต่ละตำบลจะมี 1 มหาวิทยาลัยเข้าไปช่วยเหลือพร้อมทำงานร่วมกับทางภาครัฐและเอกชนรวมไปถึงภาคประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการดำเนินงานเพื่อช่วยลดความอยากจนของประชาชน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

โดยในระยะแรกมีการดำเนินการในพื้นที่ทั้งหมด 3,000 ตำบล และมีมหาวิทยาลัย 73 แห่ง เข้ามาดำเนินการในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งงบประมาณในการดำเนินโครงการทั้งหมด 10,629 ล้านบาท

ทั้งนี้ในการดำเนินการจะมีการจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่ที่ว่างงาน จำนวน 60,000 คน เพื่อช่วยในกิจกรรมต่าง ๆ ของแต่ละตำบล ได้แก่

- การยกระดับเศรษฐกิจสังคมในตำบล

- การสร้างและพัฒนาอาชีพใหม่

- การส่งเสริมความเข้มแข็งของวิสาหกิจชุมชน

- การพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน

- การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน

- การพัฒนาคุณภาพชีวิตรวมไปถึงการฟื้นฟูและรักษาสิ่งแวดล้อมในแต่ละตำบล

โดยมีเป้าหมายสำคัญในการดำเนินการในปีแรกคือ มีการยกระดับตำบลที่มีความพร้อมสูงทางด้านเศรษฐกิจและสังคมพร้อมทั้งสามารถพัฒนาชุมชนของตนเองได้อย่างต่อเนื่องไปสู่ระดับความยั่งยืนจำนวน 750 ตำบล

ในส่วนที่ 2 มีการยกระดับตำบลที่มีความพร้อมปานกลางไปอยู่ในระดับพอเพียงจำนวน 1,500 ตำบล ให้มีความสามารถในการพึ่งพาตนเองในระดับหนึ่งจากทรัพยากรความหลากหลายทางชีวะภาพที่มีอยู่ในพื้นที่

และในส่วนที่ 3 จะมีการยกระดับตำบลที่มีความพร้อมต่ำไปสู่ระดับที่มีความสามารถที่จะอยู่รอดได้ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันจำนวน 750 ตำบล ซึ่งการดำเนินโครงการจะมีระยะเวลาการดำเนินโครงการ 1 ปี



ส่วนอัตราค่าจ้าง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

ประชาชาชนทั่วไปที่จะจ้างงานต้องเป็นประชาชนที่ว่างงานและไม่ได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยจ้างในอัตรา 9,000 บาทต่อเดือน

บัณฑิตจบใหม่ที่สำเร็จการศึกษาไม่เกิน 3 ปี พร้อมทั้งมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานมีอัตราค่าจ้าง 15,000 บาทต่อเดือน

นักศึกษาที่กำลังศึกษาในระดับอุดมศึกษา อาชีวะศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ และมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานมีอัตราจ้าง 5,000 บาทต่อเดือน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า อว.จะดำเนินการจ่ายค่าจ้างผ่านบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก และมีการเชื่อมโยงข้อมูลการจ้างงานกับแพลตฟอร์มแรงงาน (Labour Platform) ของกระทรวงแรงงาน เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มเป้าหมายของโครงการ ฯ ซ้ำซ้อนกับโครงการ/มาตรการอื่นๆ ของภาครัฐทั้งหมดต่อไป


"ผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ เกิดการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ตามปัญหาและความต้องการของชุมชน ส่งผลต่อการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของตำบลเป้าหมาย เกิดการจ้างงานที่ตอบสนองต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ และเกิดเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ระหว่างสถาบันอุดมศึกษาและชุมชน